ประวัติและชีวิตส่วนตัว ของ อัลโฟนส์ มูคา

ต้นกำเนิด

อัลโฟนส์ มูคา เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1860 ในเมืองอิวันชิตเซ (Ivančice) ภูมิภาคโมเรเวีย ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก เขามีความสามารถในการร้องเพลง ส่วนศิลปะนั้น เริ่มต้น จัดเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขา แต่ต่อมา เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนท้องถิ่น ความสนใจทางด้านศิลปะจึงเริ่มมีมากขึ้น[1]

จุดเริ่มต้นของการเป็นศิลปิน

เมื่อเขามีอายุ 17 ปี ก็ได้ออกจากบ้านเพื่อมาทำงานเป็นจิตรกรตกแต่งฉากเวทีที่ริงเทอาเทอร์ (Ringtheater) ในเวียนนา แต่โรงละครเกิดไฟไหม้ทำให้เขาต้องตกงาน และต่อมาได้ถูกเชิญให้ไปตกแต่งปราสาทของเคานต์คาร์ล (Count Karl Khuen-Belasi) แห่งเอมมาโฮฟ (Emmahof) ในออสเตรีย ซึ่งถือเป็นผู้มีพระคุณต่อการสนับสนุนทางการเงินแก่เขาในการเข้าเรียนศิลปะในสถาบันสอนการศึกษาที่มิวนิก[2][3]

ในปี ค.ศ. 1887 เขาก็ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงปารีสเพื่อศึกษาต่อที่สถาบันฌูว์ลีย็อง (Académie Julian) และสถาบันกาโลรอสซี (Académie Colarossi) ซึ่งช่วงนี้เขาได้เข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มนาบี ซึ่งเป็นศิลปินในลัทธิประทับใจยุคหลัง (post-impressionism) ที่มีเทคนิคหลากหลาย พวกเขาทำงานศิลป์ลงในหลายวัสดุนอกจากผ้าใบ ยังมีเซรามิก โปสการ์ด เสื้อผ้า นอกจากนั้นยังได้รับอิทธิพลจากคตินิยมศิลปะญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นมางานศิลปะแบบนวศิลป์[4] ต่อมาในปี ค.ศ. 1889 มูคาต้องออกจากสถาบันกาโลรอสซีเมื่อเคานต์คาร์ลเสียชีวิต[5] และหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักเขียนการ์ตูน เขียนภาพลงนิตยสาร และภาพประกอบโฆษณา นับเป็นช่วงเวลาที่เขามีผลงานผลิตออกมาจำนวนมาก ซึ่งลักษณะงานก็ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบที่เคยร่ำเรียนมาจากสถาบันศิลปะ แต่ก็ทำให้เขาได้สะสมประสบการณ์จากทำงานและได้ศึกษาเรียนรู้ศิลปะควบคู่กันไป และคงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จด้านงานออกแบบตกแต่งต่อไป[6][7]

จุดพลิกผันให้กลายเป็นศิลปินผู้โด่งดัง

ในปี ค.ศ. 1894 เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตมูคา เมื่อเขาวาดภาพ Gismonda ผลงานโปสเตอร์ชิ้นแรกที่เขาวาดให้แก่ซารา แบร์นาร์ต (Sarah Bernhardt) ซึ่งเขาได้งานชิ้นนี้อย่างบังเอิญ เนื่องจากภายในร้าน Lemercier ที่ซารา แบร์นาร์ต นางเอกละครผู้โด่งดังมาใช้บริการมีแต่ผลงานของมูคาที่จัดแสดงอยู่คนเดียวเท่านั้น เขาจึงได้งานจากซารา แบร์นาร์ต และผลงานโปสเตอร์สำหรับละครเรื่องนั้นส่งผลให้เขาโด่งดังอย่างมากในช่วงปี 90 ยากที่จะหาใครมาเทียบได้[8] มูคาทำสัญญากับซารา แบร์นาร์ตเป็นเวลา 6 ปี ตลอดช่วงเวลานี้ เขาออกแบบโปสเตอร์ที่งดงามให้เธอ 9 ชิ้น รวมทั้งช่วยงานเธอ ทั้งออกแบบเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับและเวทีในละครต่าง ๆ ที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย สาธารณชนเองก็ชอบงานของเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน มูคาก็ผูกมัดกับตัวเองด้วยสัญญาที่ทำไว้กับโรงพิมพ์ Champenois ที่ซึ่งเขามีรายได้ประจำจากการออกแบบโปสเตอร์ การทำงานร่วมกับโรงพิมพ์ครั้งนี้ นำทางให้เขาได้แสดงความสามารถด้านงานภาพพิมพ์หิน (lithography) ก็ยิ่งส่งให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง[9]

ราวปี ค.ศ. 1900 ถือเป็นช่วงเวลาที่มูคาประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดแทบในทุกด้าน ทั้งในด้านการเป็นศิลปินผู้โด่งดัง และยังเป็นอาจารย์สอนศิลปะการออกแบบด้วย[10] เขาจัดทำหนังสือ Documents Decoratives และ Figures Decoratives ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับนวศิลป์อย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจที่เขามีต่อการศึกษาศิลปะในโรงเรียน และพยายามที่จะเผยแพร่ความรู้ด้านการออกแบบให้กว้างขวาง แม้หนังสือทั้งสองเล่มจะสนับสนุนให้มูคาที่ชื่อเสียงที่โด่งดังมากขึ้น แต่เมื่อหนังสือถูกจำหน่ายกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการค้า เนื่องจากสำนักพิมพ์ที่เขาทำสัญญาด้วยทำการตลาดโดยแถมหนังสือ Documents Decoratives เมื่อซื้อหนังสือ Figures Decoratives ซึ่งเหมือนเป็นการไม่ให้คุณค่าของหนังสือเท่าที่ควร ประกอบกับเมื่อออกจำหน่ายกลับทำให้เขายุ่งยากลำบากยิ่งขึ้น เพราะลูกค้าไม่ได้สั่งซื้องานตามแบบในหนังสือ แต่มักจะขอเปลี่ยนแบบเพื่อให้ได้งานที่พิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่มูคาตัดสินใจออกจากปารีสไปเผชิญโลกใหม่ที่อเมริกาก็เป็นได้[11]

ย้ายจากกรุงปารีสสู่สหรัฐอเมริกา

เมื่อมูคาย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อหวังที่จะพบโลกใหม่ ซึ่งคงสอดคล้องกับประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาในช่วงนั้นที่เป็นดินแดนแห่งโลกใหม่เป็นยุคแห่งความก้าวหน้าของสหรัฐอเมริกา (Progressive Era) ที่ซึ่งเขาทำงานด้านการออกแบบออกมาควบคู่ไปกับการสอนวาดภาพและองค์ประกอบที่สถาบันศิลปะชิคาโกด้วย[12] และเขายังได้พบรักและแต่งงานกับหญิงสาวชาวเช็กที่ชื่อ Marie Chytilova ในปี ค.ศ. 1906 ซึ่งภายหลังพวกเขามีลูกสาวและลูกชายด้วยกัน นอกจากนี้ มูคายังได้พบกับชาลส์ ริชาร์ด เครน นักอุตสาหกรรมชาวอเมริกันผู้ร่ำรวยและสนับสนุนให้เขาวาดภาพประวัติศาสตร์สาธารณรัฐเช็กโดยไม่เกี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายและราคา[13]

กลับบ้านเกิด

ในปี ค.ศ. 1910 มูคาและครอบครัวเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ที่ซึ่งเขาทำผลงานชิ้นสุดท้าย ที่น่าจะได้รับแรงบันดาลใจและมีพื้นฐานมาจากผลงานด้านประวัติศาสตร์ก่อน ๆ ของเขาเอง เช่น ปี ค.ศ. 1880 งานภาพปูนเปียก (fresco) ที่เอมมาโฮฟในโมเรเวีย, ภาพฝาผนังที่งานนิทรรศการนานาชาติ กรุงปารีส ในปี ค.ศ. 1900, งานตกแต่งภายในโรงละครเยอรมันในนิวยอร์กในปี ค.ศ. 1908 และงานภาพฝาผนังให้กับศาลาว่าการกรุงปราก โดยผลงานชิ้นสุดท้ายนี้ชื่อว่า "The Slav Epic" ภาพแห่งประวัติศาสตร์แห่งมหากาพย์ชนชาติสลาฟ ซึ่งเป็นผลงานที่ครอบงำการทำงานของมูคาในช่วงสุดท้ายของชีวิต

ช่วงปลายปี ค.ศ. 1930 ลัทธิฟาสซิสต์เริ่มมีอำนาจมากขึ้นและมองว่าผลงาน "The Slav Epic" ของมูคามีแนวคิดชาตินิยม สลาฟ หากมองในแง่ร้ายก็เป็นการขัดต่ออำนาจของลัทธิ และเมื่อกองทัพนาซีย้ายเข้าไปอยู่ในสโลวาเกีย มูคาเป็นคนแรกที่กองทัพจับตัวไปสอบปากคำ แต่เมื่อพบว่ามูคาป่วยด้วยโรคปอดบวมจึงได้รับการปล่อยตัวในที่สุด ทำให้เชื่อกันว่า เขาอาจจะได้รับการกระทำกระเทือนจากเหตุการณ์นี้ จนทำให้เขาเสียชีวิตเนื่องจากปอดติดเชื้อในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1939 ไม่นาน ก่อนที่จะเกิดการรุกรานของสโลวาเกียโดยกองทัพเยอรมัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลอดชีวิตการทำงานศิลปะของมูคา แทบจะไม่มีเวลาไหนเลยที่เขาได้หยุดสร้างงาน ซึ่งผลงานของเขาก็จะมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผลงานนั้นก็มีความแตกต่างกันหลาย ๆ ด้าน ทั้งศิลปะการออกแบบที่เป็นนวศิลป์อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งนำเสนออย่างหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพโปสเตอร์สำหรับซารา แบร์นาร์ตปฏิทิน ภาพประกอบหนังสือ นอกจากนี้ เขายังมีงานด้านประวัติศาสตร์ซึ่งปรากฏผลงานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 เรื่อยมา ควบคู่ไปกับงานศิลปะการออกแบบและตกแต่ง[14]

แหล่งที่มา

WikiPedia: อัลโฟนส์ มูคา http://www.alphonse-mucha.com/ http://www.alphonse-mucha.com/works.shtml http://www.hoboctn.com/post/60623461283/mucha http://www.meaus.com/alphonse-mucha.htm http://www.rogallery.com/Mucha_Alphonse/mucha-biog... http://www.rogallery.com/Mucha_Alphonse/mucha-biog... http://www.thaitopwedding.com/Wedding/ http://www.thaitopwedding.com/wedding/%E0%B8%AD%E0... http://www.hypo-kunsthalle.de/newweb/mucha.html http://www.muchafoundation.org/